ปัจจุบัน เกษตรกรมีหลากหลายทางเลือกส่งออกผลไม้จากไทยไปกว่างซี ประเทศจีน ซึ่งนอกจากการขส่งด้วยรถบรรทุกและเรือที่ได้รับความนิยมใช้กันอย่างแพร่หลายแล้ว ปัจจุบันการขนส่งผลไม้ไทยผ่านเส้นทางรถไฟเริ่มได้รับความนิยมมากขึ้น ด่านรถไฟที่สำคัญแห่งหนึ่งในการลำเลียงผลไม้ไทยไปยังจีน คือ ด่านรถไฟผิงเสียง ตั้งอยู่ในเมืองผิงเสียง เขตกว่างซีจ้วง ห่างจากด่านทางบกโหย่วอี้กวาน ประมาณ 14 กิโลเมตร ซึ่งเป็นด่านนำเข้าผลไม้ทางรถไฟแห่งแรกของจีน และได้รับอนุญาตให้นำเข้าผลไม้ไทยตั้งแต่วันที่ 29 เมษายน 2563 เป็นต้นมา
ทำให้ด่านผิงเสียงเป็นอีกทางเลือกหนึ่งทันทีในการส่งออกผลไม้และสินค้าประเภทอื่นจากไทย โดยเฉพาะฤดูกาลที่ผลไม้ให้ผลิตผลมากซึ่งทำให้ปริมาณการส่งออกสูงขึ้นตามไปด้วย โดยด่านรถไฟเป็นอีกทางเลือกเป้าหมายที่จะหลีกเลี่ยงความเสียหายที่อาจเกิดขึ้นจากปัญหารถบรรทุกติดสะสมที่บริเวณด่านโหย่วอี้กวาน ซึ่งขณะนี้ รัฐบาลกว่างซีและสำนักงานศุลกากรหนานหนิงได้สนับสนุนให้ผู้ส่งออกจากประเทศอาเซียนรวมถึงผู้ส่งออกไทยหันมาใช้ช่องทางด่านผิงเสียงมากขึ้น โดยตั้งแต่มกราคม – มีนาคม 2565 ด่านรถไฟผิงเสียงมีปริมาณการนำเข้าผลไม้สะสมจากประเทศสมาชิกอาเซียนแล้ว 10,048 ตัน และนับตั้งแต่สถานตรวจและกักกันโรคพืชและแมลงศัตรูพืชได้รับการอนุมัติเมื่อปี 2563 เป็นต้นมา ด่านรถไฟแห่งนี้มีปริมาณการนำเข้าผลไม้สะสมรวมถึง 44,700 ตัน ซึ่งผลไม้ที่มีการนำเข้ามากที่สุดได้แก่ ทุเรียน ขนุน และลำไย โดยคาดว่าปริมาณการนำเข้าผลไม้ในช่วงครึ่งปีแรกของปี 2565 จะเท่ากับปริมาณการนำเข้าของปี 2564 ทั้งปี
เมื่อเปรียบเทียบกับวิธีขนส่งด้วยรถบรรทุก การขนส่งผ่านโมเดล “รถ+ราง” อาจจะมีค่าใช้จ่ายสูงกว่าเล็กน้อย แต่มีข้อได้เปรียบด้านปริมาณที่สามารถทำยอดขนส่งต่อเที่ยวได้ประมาณ 20-25 ตู้ และข้อได้เปรียบเรื่องเชื้อเพลิง ที่ไม่สิ้นเปลืองน้ำมันและแรงงานคนขับ ประกอบกับสถานการณ์โควิด-19 การขนส่งทางรถไฟช่วยลดความเสี่ยงจากการสัมผัสระหว่างคนขับที่หมุนเวียนเข้า-ออกด่านได้อย่างมาก
โดยสรุปด่านรถไฟผิงเสียงช่วยสร้างโอกาสทางเศรษฐกิจและเป็นทางเลือกใหม่สำหรับผู้ส่งออกไทยในการส่งออกผลไม้ไทยไปจีน และช่วยลดอุปสรรคการขนส่งผลไม้จากไทยไปจีนได้มากขึ้น ผู้ส่งออกไทยสามารถใช้ประโยชน์จากเที่ยวรถไฟเวียดนาม-จีนในการลำเลียงสินค้าเข้าสู่ตลาดทั่วประเทศจีน โดยเฉพาะในช่วงที่มีผลไม้ออกสู่ตลาดเป็นจำนวนมาก เพื่อหลีกเลี่ยงความเสียหายที่อาจเกิดจากการที่รถบรรทุกต้องรอคิวที่ด่านทางบกโหย่วอี้กวาน โดยผู้ส่งออกสามารถเลือกใช้การขนส่งทางรถไฟเพื่อผ่านพิธีการศุลกากรที่ด่านรถไฟผิงเสียง แล้วเปลี่ยนตู้ไปใช้รถบรรทุกเพื่อกระจายไปยังหัวเมืองอื่นทั่วจีนได้เช่นกัน
นอกจากนี้ ในการใช้ช่องทางการขนส่งผ่านด่านรถไฟผิงเสียง ผู้ส่งออกยังต้องพิจารณาปัจจัยเรื่อง ‘ตลาดปลายทาง’ ด้วย เพื่อให้การใช้ประโยชน์จากด่านเกิดประสิทธิภาพและประสิทธิผลสูงสุด รวมทั้งผู้ส่งออกต้องตระหนักถึงปัญหาโรคแมลงศัตรูพืชและการใช้สารเคมีกำจัดศัตรูพืชในผลไม้ที่ส่งออกไปจีน เนื่องจากเจ้าหน้าที่ศุลกากรมีการสุ่มตรวจผลไม้อย่างเข้มงวด จึงจำเป็นต้องรักษาคุณภาพสินค้าและบรรจุภัณฑ์อย่างเคร่งครัด โดยผู้ประกอบการไทยควรเตรียมความพร้อม และติดตามข้อมูลข่าวสารอย่างใกล้ชิดเพื่อปรับเปลี่ยนกลยุทธ์ด้านการส่งออก โดยเฉพาะในช่วงสถานการณ์การแพร่ระบาดของโควิด-19 ที่มีการเปลี่ยนแปลงกฎระเบียบค่อนข้างฉับพลันและแจ้งล่วงหน้าไม่นาน
ข้อมูล: สถานกงสุลใหญ่ ณ นครหนานหนิง
เรียบเรียง: ศูนย์ธุรกิจสัมพันธ์
ที่มา : https://globthailand.com/china-250422/